แมงมุม กิติพัฒน์ เปิดใจหลัง ประกาศใช้หนี้แทนแม่หมดแล้ว

แมงมุม กิติพัฒน์ เปิดใจหลัง ประกาศใช้หนี้แทนแม่หมดแล้ว

โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้ 9 พฤษภาคม 2565 อดีตผอ.โรงเรียนคนเดิมได้ออกมาเปิดใจร่ำไห้บอกว่าชีวิตสุดลำบาก บั้นปลายชีวิตต้องมานั่งใช้หนี้แทนแม่ดาราหนุ่ม แมงมุม กิติพัฒน์ เงินแต่ละเดือนถูกหักแทบไม่เหลืออะไรกิน คงต้องชดใช้หนี้ไปจนหมดลมหายใจ นอกจากนี้ยังมี กลุ่มผอ.และครูอีก 8 คน ต้องมารับชะตากรรม แบกรับหนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือ เมียผอ.คนหนึ่งเครียดจนจากไปแล้ว ส่วนอดีตผอ.อีกคนถูกทวงหนี้จนพิ-การ อยู่เพียงลำพัง

ล่าสุดในช่วงค่ำของวันเดียวกัน แมงมุม ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด พร้อมอธิบายถึงเหตุผลที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น โดยระบุแคปชั่นว่า ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ชี้แจงเรื่องทั้งหมดในข่าวนะครับ เรื่องราวเป็นคดีที่เกิดกับคุณแม่ของผม เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผมพึ่งทราบเรื่องคดีนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้วจึงเป็นที่มา ที่ได้ไปเคลียร์กับคู่กรณีของคุณแม่ผมที่รายการโหนกระแส ก็จบความที่ว่า ผมในฐานะลูกจะชดใช้และผ่อนจ่ายให้ (ในตอนที่ตกลงนั้นพูดตรงๆเลยคือไม่มีเงินคับ ณ ช่วงเวลานั้น เพราะ เป็นช่วงที่ผมล้มพอดี หนี้จากธุรกิจเก่าเยอะประกอบกับค่าตัวนักแสดงตอนนั้นก็ไม่ได้เยอะคับจึงใช้เดือนชนเดือนถึง ติดลบมาโดยตลอด ผจก.ผมจะรู้ถึงความเป็นอยู่ผมในช่วงนั้นดี)

ต่อมาผมก็ตั้งหน้าตั้งตาสร้างตัวเพื่อที่จะให้ตัวเองมีกำลังพอที่จะพัฒนาฐานะทางการเงินของตัวเรา เพื่อที่จะใช้หนี้ให้ตัวเองและของครอบครัว ย้ำนะคับ ว่าหนี้ไม่ได้มีแค่ก้อนนี้คับ ผมในฐานะหัวหน้าครอบครัว ก็พยายามที่จะเลี้ยงดูคุณแม่มาตลอดไม่ว่าตอนมีหรือตอนไม่มี ซึ่งระยะเวลาที่ผมสร้างตัวก็ราวๆ2-3 ปี ซึ่งยอมรับเลยคับว่าหนักมากทั้งเรื่องภาวะเศรษฐกิจและช่วงCV19 ทำให้ธุรกิจทั้งหมดพัง ถ่ายละครก็ถ่ายไม่ได้ รู้สึกช่วงนั้นผมจะเป็นเทรนเนอร์ด้วยคับ ก็แน่นอนคับ ยิมปิด คุณพระ หาเงินจากที่ไหนล่ะเนี่ย

แต่ในที่สุดผมก็ผ่านมันมาได้ ผมพึ่งมาตั้งตัวได้ประมาณ เกือบ 1 ปี จึงได้เริ่ม จัดสรรเงินดังนี้

1.เก็บเงินเพื่อรองรับความเสี่ยงต่างๆ

2.ลงทุน

3.ทำบุญ

4.ดูแลครอบครัว

5.ใช้ชีวิต

6.ใช้หนี้

ผมได้ตั้งใจใช้หนี้ต่างๆไม่ว่าจะเป็นของตัวเองและครอบครัวมาตลอด ซึ่งตรงที่คุณยายผมก็ไม่สบายพอดี ใครที่มีผู้ป่วยอยู่ในบ้านจะรู้ได้เลยว่าค่าใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งทำให้ผมต้องจัดสรรค่าใช้จ่ายในทุกๆด้านให้ลงตัว ให้ทุกคนรอบตัวผมไม่รู้สึกว่าขาดหรือรู้สึกว่าผมไม่มีหรือดูแลไม่ได้

ผมเองไม่เคยหนีหายหรือติดต่อไม่ได้แต่อย่างใด ทาง ผจก.ได้ยืนยันแล้วว่าไม่มีการติดต่อมาเพื่อทวงถามหนี้ตลอด 3 ปีนี้หลังจากจบรายการโหนกระแส แต่ตัวผมเองไม่เคยนิ่งนอนใจในเรื่องหนี้ก้อนนี้ เพียงแต่ผมจัดลำดับการใช้หนี้ไว้แล้ว (ซึ่งข้อนี้ผมยอมรับผิดที่ผมจัดการได้ช้าไปคับ) เงินที่ผมได้มาในส่วนของการจัดสรรใช้หนี้ผมได้จัดสรรไว้เป็นลำดับจะไม่ได้หามาเพื่อใช้หนี้ให้หมดใน 1-2 เดือนเพราะยังมีภาระหน้าที่อื่นๆที่จะต้องรับผิดชอบด้วย

ตลอดเวลาที่ผมเติบโตมา ผมแยกกันอยู่กับคุณแม่ตั้งแต่ อนุบาล 2 โดยมียายกับตาและน้า เลี้ยงมา แต่เมื่อผมโตขึ้นและได้รับรู้ถึงความเดือดร้อนของคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินหรือเรื่องอะไร ผมรับจบให้หมดเพราะผมคือลูก ดังนั้นวันนี้ผมได้แสดงความรับผิดชอบในฐานะลูก โดยการชำระหนี้ทั้งหมดให้กับคุณแม่ เป็นจำนวนเงิน 600,000 บาท และได้แนบหลักฐานไว้แล้วคับ

สุดท้ายนี้ต้องขอโทษครอบครัว ขอโทษแฟน ขอโทษที่ปล่อยให้เรื่องราวบานปายไม่ได้ชำระหนี้จนทำให้เกิดความเสื่อมเสียในวันนี้ แต่ยังยืนยันในวันนี้คับว่าผมทำเต็มที่และรีบสุดในชีวิตแล้วคับ ขอโทษทุกท่านที่เกี่ยวข้องด้วยนะคับ”

อย่างไรก็ดีเรื่องราวนี้ก็เป็นเรื่องที่อ่อนไหวสำหรับคนไทยและหวังว่าจะจบลงด้วยดีทุกฝ่ายนะคะ

ขอบคุณ คมชัดลึก