เจ้าบ่าวเปิดใจ มาสาย 3 ชม. รอน้องที่ญี่ปุ่น โอนเงินสินสอด ก่อนญาติเจ้าสาวไล่

เจ้าบ่าวเปิดใจ มาสาย 3 ชม. รอน้องที่ญี่ปุ่น โอนเงินสินสอด ก่อนญาติเจ้าสาวไล่

วันที่ 8 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้านของเจ้าสาว ที่ ต.หนองหญ้าปล้อง อ.วังสะพุง จ.เลย พบภายในบ้านของเจ้าสาวยังมีจานชาม และข้าวของเครื่องใช้ที่ใช้จัดพิธีงานแต่งถูกตั้งทิ้งไว้เก็บไม่หมด และยังมีซองจดหมายสีชมพู ที่ใส่การ์ดเชิญแขกมาร่วมงานถูกวางทิ้งไว้

ถามนางแดง (นามสมมุติ) เล่าทั้งน้ำตาว่า ลูกสาวเริ่มคบหากับฝ่ายชาย คือนายตูมตาม ได้ 1 ปีกว่าแล้ว โดยเริ่มรู้จักกัน เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 64 จากนั้นฝ่ายชายได้เดินทางมาสู่ขอ ขอหมั้นลูกสาวของเธอไว้ ในวันที่ 6 ธันวาคม 64 หลังจากคบกันได้ 1 เดือน

กระทั่งฝ่ายชายได้ตกลงจะเดินทางมาสู่ขอแต่งงานกับลูกสาวของเธอ โดยจะมีพิธีแต่งงานในวันที่ 30 มีนาคม 65 แต่ติดสถานการณ์โควิด จึงเลื่อนมาเป็นวันที่ในวันที่ 6 พฤษภาคม 65 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ลูกสาวดีใจมากที่ฝ่ายชายจะเดินทางมาสู่ขอแต่งงาน

ซึ่งก่อนจะตกลงแต่งงานกัน เธอได้เรียกค่าสินสอดกับฝ่ายชายจำนวน 1 แสนบาท แต่ฝ่ายชายต่อรอง เป็น 99,999 บาท พร้อมทองอีก 2 บาท อ้างว่าเป็นเลขสวยมงคล ชีวิตจะได้ก้าวไปข้างหน้า เธอและลูกสาวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และเฝ้ารอวันนี้มานาน แต่เมื่อถึงวันแต่งกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เธอและลูกสาววาดฝันเอาไว้

ในวันงาน เวลาตามฤกษ์ที่เจ้าบ่าวนัดกันไว้คือ 7 โมงเช้า ครอบครัวตนเอง เชิญชาวบ้านและแขกมาเกือบ 100 คน แต่เมื่อถึงเวลา 7 โมงก็แล้ว รอไปจนถึง 9 โมงก็แล้ว แต่เจ้าบ่าวก็ไม่มาสักที พยายามโทรศัพท์ติดต่อ เจ้าบ่าวอ้างว่ากำลังจะออกไป โทรไปอีกรอบก็ไม่รับสาย จนแขกในงานและญาติต่างคุยกันว่า เจ้าบ่าวจะมาจริงใช่ไหม เจ้าบ่าวจะเทงานแต่งหรือไม่ ลูกสาวของเธอก็ยืนรอด้วยความหวัง

กระทั่งเวลา 11 โมงครึ่ง เจ้าบ่าว ได้เดินทางมาพร้อมกับ ขบวนขันหมาก โดยเจ้าบ่าวพาพ่อ ยาย และเพื่อน อีกไม่ถึง 5 คน เดินทางที่งาน เมื่อมาถึง ลูกสาวตนเองดีใจมากที่เจ้าบ่าวมางาน จึงได้เริ่มพิธีต่อ ซึ่งจะต้องผ่านประตูเงินประตูทอง เจ้าบ่าวต้องใส่ซอง เพื่อจะผ่านประตูไปหาเจ้าสาว แต่ปรากฎว่า เจ้าบ่าวกลับหยิบซองเปล่าให้ และบอกว่าสินสอดยังไม่มี ต้องรอแม่ตัวเองมาก่อน

กระทั่ง เวลาประมาณเที่ยง แม่ของเจ้าบ่าวได้เดินทางมาถึง แต่แม่เจ้าบ่าวกลับบอกว่าไม่ทราบว่าลูกชายแต่งงาน และหากจะต้องแต่งงานจริงๆก็มีสินสอดให้แค่ 10,000 เท่านั้นจะเอาไหม ทำให้บรรดาญาติพี่น้องของเจ้าสาวถึงกับอึ้ง และโห่ไล่ด้วยความไม่พอใจ โดยบอกว่า ถ้าเอามาแค่หมื่นเดียวไม่เอาหรอก จบไปเลย จากนั้นแม่ของเจ้าบ่าว พ่อเจ้าบ่าว และเจ้าบ่าวก็ไม่พอใจ และโวยวาย อาละวาดคนในงาน

โดยเจ้าบ่าวบอกว่า พอๆๆ กูไม่เอาแล้ว กลับเลยๆ พร้อมกับท้าตีท้าต่อยญาติฝ่ายหญิง ที่โห่ไม่พอใจที่เจ้าบ่าวทำแบบนั้น ก่อนจะเข้าไปรุมกระทืบเจ้าบ่าวตามคลิป หลังเกิดเรื่อง เจ้าบ่าวยังไม่ได้ติดต่อมาเลย ตนเองเสียใจมากที่ทำกับลูกสาวตนเองแบบนี้ และอยากให้เจ้าบ่าวมาชดใช้กับสิ่งที่ทำ เพราะงานแต่งทั้งหมด ครอบครัวตนเองตั้งใจจัดขึ้นให้ลูกสาวมากๆ รวมค่าของที่เตรียมไปทั้งหมดประมาณ 65,000 บาท แต่ก็เสียหายทั้งหมดไม่เหลือ งานแต่งล่ม

ตนเองอยากฝากไปถึงเจ้าบ่าว ถ้าทำแบบนี้ ก็ไม่ต้องมารักลูกสาวตนเองอีกเลย ตอนนี้สภาพจิตใจของลูกสาว และครอบครัวย่ำแย่มาก ไม่กล้าออกไปเจอหน้าใคร หนีไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ร้องไห้ไม่หยุด ไม่คิดว่า ฝ่ายชายจะทำกับครอบครัวเธอแบบนี้ ส่วนญาติฝ่ายเจ้าสาวก็ไม่พอใจ ที่เจ้าบ่าวนำสินสอดไม่ตรงตามที่ตรงลงกันไว้ ยังไม่พอ แม่ของเจ้าบ่าวยังโวยวายอาละวาดในงาน ซึ่งดูเป็นการไม่ให้เกียรติกัน

ด้านเจ้าบ่าว วัย 30 ปี เปิดใจว่า ยอมรับว่า ตนเองนั้นคือเจ้าบ่าวที่ปรากฎในคลิปจริง โดยเมื่อวานนี้ ตนเองตั้งใจจะยกขบวนขันหมาก ไปสู่ขอฝ่ายหญิง ส่วนเหตุที่ไปสาย เพราะตนเองและครอบครัวกำลังหาเงินสินสอดอยู่ ซึ่งยังเตรียมไว้ไม่ครบตามจำนวน มีเเค่ 10,000 บาทเท่านั้น

แต่เมื่อมาถึงงานตนเองได้ยืนรอด้านนอกก่อน เพราะต้องรอเงินจากแม่ ที่หยิบยืมน้องที่อยู่ประเทศญี่ปุ่น กำลังจะโอนเงินมาให้ แต่ก็ถูกญาติของฝั่งเจ้าสาว ซึ่งไม่รู้เป็นใคร พยายามบอกให้ตนเองเข้าไปภายในงานก่อน เพราะจะกลัวไม่ดี ตอนแรกตนเองก็ไม่อยากเข้าเพราะยังไม่มีเงิน

สุดท้ายเมื่อเข้าไปต้องผ่านประตูเงินประตูทอง ตนเองก็ไม่มีเงิน จึงขอยืมเงินเพื่อนใส่ซองผ่านประตูเงินประตูทองไป 100 บาท จากนั้นเมื่อเข้าสู่พิธี ตนเองถูกทวงถามสินสอดทั้งหมด แต่น้องที่อยู่ญี่ปุ่นยังไม่โอนมาให้ต้องรอ ตนเองกลับถูกญาติฝั่งเจ้าสาวโห่ไล่ให้ออกไป และมีคนหนึ่งพูดว่า “พอ งั้นก็ไม่ต้องแต่ง” ทำให้ตนเองโกรธมาก ที่ถูกพูดจาแบบนี้ใส่ ตนเองจึงท้าให้ใครที่มีปัญหาออกมาเคลียร์กันนอกงาน จนตนเองถูกรุมกระทืบได้รับบาดเจ็บ

ตนเองยืนยันว่า ไม่มีเจตนาจะใส่ซองเปล่า และตนเองรักฝ่ายหญิงจริงและรักมากสุดใจ และยังอยากจะแต่งงานกับนางสาวบีอยู่ ตนเองเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อยากให้ญาติฝั่งเจ้าสาว ฟังเหตุผลตนเองบ้าง ตนเองขอโทษกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่ทำให้วิวาห์ล่ม และจะขอรับผิดชอบค่าเสียหายทุกอย่าง

หวังว่าเรื่องราวนี้จะจบลงด้วยความเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายนะคะ