ขุน ชานนท์ แจงปมต่อราคา นอยด์ ทำดีไม่เห็นค่า

ขุน ชานนท์ แจงปมต่อราคา นอยด์ ทำดีไม่เห็นค่า

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนนั้นพูดถึงกันอย่างมากจากกรณีประเด็นที่ ขุน ชานนท์ ดาราและนายแบบชื่อดัง ขับรถโดนผู้ช่วยพยาบาลสาว แต่กลับติดต่อไม่ได้ ซึ่งภายหลังได้มีการโฟนอินเปิดใจผ่านรายการ โหนกระแส ยืนยันไม่ได้หนีหาย ถ้าตนผิดจริงก็พร้อมรับผิดชอบ แต่ขอต่อค่าช่วยเหลือจาก 2 หมื่นบาท ถึงแม้ทางแม่ผู้เสียหายจะโชว์ค่าใช้จ่ายในการรักษา

และซ่อมรถเป็นเงินกว่า 3 หมื่นบาท โดยทาง หนุ่ม กรรชัย อาสาจ่ายส่วนที่เหลือให้แทน จนเกิดกระแสพูดถึงอย่างหนัก ล่าสุดวันนี้ 30 เม.ย. ทางเพจ หมอแล็บแพนด้า ได้อัปเดตความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ระบุว่า เวลาประมาณ 10 โมง ดาราชายได้โอนเงินค่าเสียหาย 3 หมื่นบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ขณะที่เพจ หมายจับกับบรรจง ได้โพสต์ภาพสลิปการโอนเงิน 2 ครั้ง

พร้อมเผยว่า โอนแล้วครับ ขุน ชานนท์ ยอมจบ โอน 3 หมื่นบาท ให้น้องติ๊ก ผช.พยาบาลสาว ค่าเสียหาย ทั้งนี้ ขุน ชานนท์ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการ ทุบโต๊ะข่าว ทางช่องอมรินทร์ทีวี เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าเป็นคนที่ขับรถชน แต่ตอนแรกใครที่ให้ข่าวผิด ๆ ก็ช่วยให้ความเป็นธรรมด้วย ผมไม่คิดจะหนี ซึ่งแฟนผมก็ติดต่อเข้าไปในตอนแรกผมจะให้เข้า 10,000 บาท

แต่ทางเขาจะเอา 30,000 บาท แล้วทางเขาเล่นใหญ่ใส่ผม จะให้ผมเอายังไงดี แต่ที่เหมือนไปต่อรองในรายการ ผมแค่แหย่เล่น เพราะฉะนั้นที่บอกต่อเหลือแค่ 20,000 บาท ได้ไหม อันนี้ทาง ขุน ยืนยันกับทางอมรินทร์ แหย่เล่น แต่จริง ๆ ให้เลย และยืนยันว่าไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ ตามที่พยานบอกว่าได้กลิ่น ส่วนพยานที่บอกอยู่ในที่เกิดเหตุ เอาจริง ๆ ไม่มีครับพี่ มันมีแค่ผมกับแฟน

และน้องที่เสียหาย ถามว่าผมโกรธไหม ผมน้อยใจนะ กว่าผมจะมายืนตรงนี้ได้ ผมมีหน้าที่มอบความสุขให้ทุกคน เพราะผมอยู่ในวงการบันเทิง ผมทำงานหนักนะ เป็นนักแสดง และเราก็เป็นคนของสังคม ผมช่วยเหลือสังคมอยูตลอด พี่ไม่รู้หรอกว่าผมไปบริจาคอะไรบ้าง แต่เราไม่ได้ลงสื่อแค่นั้น แล้วผมก็ไม่ได้หนีด้วย

ผมอยู่ในสปอร์ตไลท์อยู่แล้ว แต่เขาใช้วิธีตามผมไม่ถูกอ่ะ ขุน ชานนท์ ย้ำอีกว่า ผมไม่ได้หนี ถ้าผมหนี ผมจะให้บัตรประชาชนไปทำไมล่ะ เราก็เสียชื่อเสียงนะ ก็น้อยใจ เราไม่เคยทำอะไรไม่ดี แล้วมาโดนแบบนี้ เขาไม่สงสารบ้างเลย เราทำงานหนักกว่าจะมายืนจุดนี้ได้ เราเป็นนักแสดงเหนื่อยนะ

อย่างไรก็ดีเรื่องราวนี้จบลงด้วยดีและหวังว่าจะให้ข้อคิดแก่คนในวงการบันเทิงได้ไม่น้อยเลยนะคะ