7 เรื่องของ ฉันชาย-ชัชชาติ ฝาแฝดที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี คู่เหมือนที่ต่างอุดมการณ์

7 เรื่องของ ฉันชาย-ชัชชาติ ฝาแฝดที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี คู่เหมือนที่ต่างอุดมการณ์

รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ฉายาบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี หนึ่งในนักการเมืองที่เป็นขวัญใจวัยรุ่นและชาวเน็ตมียอดฟอลโลวกว่า 700,000 ความคิดความสามารถของเขานั้นทำให้หลาย ๆ คน ชื่นชอบและชื่นชม หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าเขามีพี่น้องฝาแฝด ที่หน้าตาและลักษณะท่าทางเหมือนกันมาก แต่ในด้านความสามารถและความเห็นทางการเมืองนั้นทั้งคู่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน วันนี้แคมปัส-สตาร์ ขอเผยเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขา ทั้งประวัติ และรูปภาพวัยเด็กน่ารัก ๆ มาให้บรรดาแฟน ๆ ได้รับชมกัน 7 เรื่องของ ฉันชาย-ชัชชาติ ฝาแฝดที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี คู่เหมือนที่ต่างอุดมการณ์

ฝาแฝดต่างอุดมการณ์ ฉันชาย-ชัชชาติ รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มีแฝดพี่ชื่อ ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ถึงแม้พวกเขาจะมีลักษณะหน้าตาที่เหมือนกัน แต่ในด้านความคิดก็มีเรื่องที่แตกต่างกันบ้าง เช่น เรื่องการเมือง แต่ทั้งสองก็ยังคงเป็นพี่น้องที่ห่วงใยกันและไม่เคยก้าวก่ายความคิดของใครที่เห็นต่าง

1. ฉันชาย-ชัชชาติ ลูกชาย พล.ต.อ.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2509 เป็นวันที่ฝาแฝดชายตระกูล สิทธิพันธุ์ ได้กำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ เขาทั้งสองเป็นลูกชายของ พล.ต.อ.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กับคุณแม่จิตต์จรุง สิทธิพันธุ์ ปัจจุบัน ชัชชาติและฉันชายอายุย่าง 53 ปี ชัชชาติ เป็นแฝดน้องมีชื่อเล่นว่า ทริป ส่วนแฝดผู้พี่ ฉันชาย มีชื่อเล่นว่า ทัวร์ พวกเขายังมีพี่สาวอีก 1 คน คือ ดร.ปรีชญา สิทธิพันธุ์ ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

2. ในวัยเด็กรักการอ่าน/นั่งหันหลังชนกัน อ่านหนังสือวันละ 2 ชั่วโมง เนื่องจากคุณแม่เป็นคนที่เข้มเรื่องระเบียบวินัย เลี้ยงลูกแบบสมัยเดิม ๆ ต้องแบ่งเวลาเป๊ะ ๆ เรื่องการบ้านจะติวเข้มมาก คือลูก ๆ ต้องมีตารางเวลาที่ชัดเจนในการทำสิ่งต่าง ๆ หลังเลิกเรียนของ เด็กชายชัชชาติและ เด็กชายฉันชาย จะนั่งหันหลังชนกันแล้วอ่านหนังสือสองชั่วโมง มีเบรกเล่นกีฬา ดูทีวีบ้าง ด้วยความถูกปลูกฝังแบบนั้นมาทำให้พวกเขาก็รู้สึกสนุกกับการอ่านหนังสือถึงขั้นไปเอาหนังสือของมหาลัยมาอ่านกัน (ในตอนนั้นยังเรียนอยู่มัธยม) เห็นอ่านหนังสือกันทุกวันแต่แฝดทั้งสองก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเด็กเนิร์ดอะไรขนาดนั้น เพราะสมัยเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ในด้านการทำกิจกรรมพวกเขาต่างก็ผลัดกันเป็นประธานสีคนละปี พอถึงช่วงสอบเอนทรานซ์ เนื่องจากที่บ้านห้ามเรียนซ้ำกัน ฝาแฝดสองพี่น้องก็ตกลงกันว่าใครจะเลือกเรียนอะไร และผลเรียนต่างก็ออกมาดีเยี่ยมทั้งคู่ด้วย

3. ฉันชายเลือกเรียนสายแพทย์/ มีความสุขกับการสอนหนังสือ และการดูแลคนไข้ ฉันชาย สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คว้าปริญญาโท และเอกด้านโรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤตทางระบบหายใจ จากสหรัฐอเมริกา มีความเชี่ยวชาญด้านอายุกรรมโรคปอด ระบบทางเดินหายใจและทรวงอก ปัจจุบันเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยทุกวันนี้เขามีความสุขกับการสอนหนังสือ และการดูแลคนไข้

4. ชัชชาติเลือกเรียนสายวิศวะ/รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมติดดิน ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ตอนแรกก็อยากเรียนหมอเหมือนพี่ชายแต่เพราะไม่ชอบเลือดและไม่ชอบเรียนวิชาชีววิทยา เลยไปเรียนวิศวะแทนและจบการศึกษาจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 มาครอบครอง ต่อมาได้รับทุนอานันทมหิดลในระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรมโครงสร้างจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ และระดับปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ หลังจากจบออกมา เคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเคยเป็นอดีตผู้ช่วยอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำหน้าที่ดูแลพื้นที่ของจุฬาฯ ดูการก่อสร้างดูแลมาบุญครอง และสยามสแควร์ ประมาณ 7 ปี และอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันเป็นแกนนำพรรคเพื่อไทย หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ เขามีภาพลักษณ์ เป็นรัฐมนตรีติดดิน ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เขาชอบ ซ้อนจักรยานยนต์รับจ้าง โหนรถเมล์ นั่งรถสองแถว โดยสารรถไฟ ออกตรวจตราราชการในพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึงการลงพื้นที่เพื่อตรวจปัญหาด้วยตนเอง หลายครั้งที่เขาไปตรวจงานตามองค์กรของรัฐโดยที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าด้วย

นอกจากนี้ชัชชาติยังเป็นรัฐมนตรีคนแรกที่เป็นเน็ตไอดอล โดยเริ่มจากภาพที่ชัชชาติเดินเท้าเปล่า ถือถุงกับข้าวไปตักบาตร ที่ จ. สุรินทร์ ชาวเน็ตจึงได้ตั้งฉายาให้เขาว่า รมว. กระทรวงคมนาคมที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี จากนั้นมาก็เกิดเป็นกระแสบนโซเชียล มีการทำภาพแต่งกายคอสเพลย์ตามกันมากมาย กระแสแรงฟีเวอร์มาก ๆ ถึงขั้นมีสติกเกอร์ไลน์และเกมเป็นรูปเขาเลยนะ

5. พี่น้องที่อาชีพต่างกันคนละสาย พี่น้องตระกูลสิทธิพันธุ์ ทั้ง 3 คน พี่สาว และน้องชายฝาแฝด ต่างประกอบอาชีพกันคนละทิศละทาง โดยพี่สาว รศ.ดร.ปรีชญา สิทธิพันธุ์ เป็นอาจารย์ที่คณะสถาปัตย์ ฉันชายเป็นอาจารย์หมอที่คณะแพทยศาสตร์ และชัชชาติ เคยเป็นรองศาสตราจารย์ ที่คณะวิศวะ และเคยเป็นถึงผู้ช่วยอธิการบดีจุฬาฯ มาแล้ว ถึงแม้สาขาอาชีพจะต่างกัน แต่ทุกคนต่างก็เคยเป็นอาจารย์ที่จุฬาฯ เหมือนกัน

6. บ้านใกล้กันแต่ไม่ค่อยได้คุย/ชัชชาติชอบส่งเมสเสจชวนพี่ไปวิ่ง ด้วยภาระหน้าที่ในการทำงานที่ต่างกัน ถึงแม้บ้านของแฝดทั้งสองจะอยู่บริเวณใกล้ ๆ กัน แต่ก็ไม่ค่อยได้เจอได้พูดคุยกันมากเท่าไร แต่ก็จะมีช่วงเช้าที่ชัชชาติส่งเมสเสจไปหาแฝดผู้พี่ฉันชายชวนออกไปวิ่งด้วยกันบ้าง โดยพวกเขาจะตื่นพร้อม ๆ กัน ไม่เกินตี 4 และสิ่งที่ทำประจำคือการออกกำลังกาย เพราะตอนเด็ก ๆ เคยอ้วนกันมาทั้งคู่ เลยถูกปลูกฝังให้ออกกำลังกายมาตั้งแต่ตอนนั้น ทำให้จนถึงทุกวันนี้นอกจากรักการอ่านพวกเขาก็ยังรักการวิ่ง ซึ่งทำอยู่เสมอ จะมีช่วงหลัง ๆ ที่แฝดผู้พี่ฉันชายไม่ค่อยออกไปวิ่งข้างนอกบ้านเพราะคนชอบเข้ามาทักผิดว่าเป็นชัชชาติ ส่วนชัชชาตินอกจากวิ่งก็จะเพิ่มการออกกำลังกายแบบจักรยานเข้ามาด้วย

7. ฝาแฝดที่มีความเห็นต่างเรื่องการเมือง ฉันชายพี่ชายของชัชชาติเคยออกไปชุมนุม พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในตอนนั้นชัชชาติ ถึงกับต้องออกมาโพสต์เฟซบุ๊กเพราะจะได้ไม่มีคนเข้าใจผิดว่า ถ้าเห็นคนที่หน้าคล้ายเขาไปร่วมชุมนุม ไม่ต้องตกใจ เพราะนั่นไม่ใช่ตนเองอย่างแน่นอน แต่เป็นแฝดผู้พี่ อย่างนี้จะเรียกว่าแฝดคนละฝา หรือแฝดคนละฝั่งดีเนี่ย !? รวมไปจนถึงครอบครัวของชัชชาติเองก็ไม่ชอบพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะคุณแม่ที่จะเชียร์พรรคประชาธิปัตย์มาตลอด เคยมีการคัดค้านการเข้ารับตำแหน่งรมว.กระทรวงคมนาคมของชัชชาติก่อนหน้านี้ แต่โดยปกติแล้วเรื่องการเมืองที่บ้านนี้จะคุยกันน้อยมาก ถึงแม้ทุกคนจะเห็นต่างแต่ก็ไม่ก้าวก่ายความคิดของกันและกัน หรือใคร ๆ

แต่ถ้าถามว่าอยู่คนละเรื่องการเมืองมั้ย? ฉันชายเผยว่า คนเราอาจจะมีความชอบหรือความเห็นบางเรื่องไม่ตรงกันอยู่แล้ว ถึงที่สุดแล้วมันก็ต้องแยกหน้าที่ แยกบทบาทกันให้ดี ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีใครหรอกเป็นขาวหรือดำ